การศึกษาระดับปฐมวัย 3-6 ขวบ



การศึกษาระดับปฐมวัย 3-6 ขวบ
ไม่ใช่การศึกษาเพื่อเร่งรัดอ่านเขียนหรือมุ่งเน้นวิชาการ

แต่เป็นการจัดการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กๆ
ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาครับ

จึงเห็นได้ว่าการจัดการศึกษาปฐมวัยบ้านเรามาถูกทางแล้ว

จับให้อ่าน
บังคัดให้เขียน
แข่งกันว่าโรงเรียนฉันเด็กอ่านได้ตั้งแต่อนุบาล 2
ลูกของฉันบวกเลขเป็นตั้งแต่อยู่ในเปล

เด็กของเรานั่งเรียนกันเรียบร้อย
ดวงตาเหม่อลอยคิดถึงสนามเด็กเล่น

ครับเรามาถูกทางแล้วครับ
คือทางของการทำลายสมองและศักยภาพของเด็กๆ ในระยะยาวครับ (ไม่ฮา)
......................................................................

เพิ่มเติมบางประการเกี่ยวกับ.....
แนวทางการจัด (ประสบ) การ (ณ์) เรียนรู้แบบมุ่งเน้นวิชาการ-เร่งรัดอ่าน-เขียน ในระดับปฐมวัย

1.หลักสูตรปฐมวัยของบ้านเราใช้ได้ทีเดียว มุ่งเน้นพัฒนาการทั้งสี่ด้าน แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดการศึกษาของโรงเรียนที่มุ่งตอบสนองค่านิยมของสังคม โดยมุ่งเน้นวิชาการ-เร่งรัดอ่าน-เขียน จนผิดเพี้ยนไปจากเป้าหมายและแนวทางของหลักสูตร

2.ปัญหาของการเร่งรัดอ่าน-เขียน ก่อนวัยอันควรไม่ได้อยู่ที่เกลงว่า "เด็กจะอ่านไม่ได้เพราะเร่งรีบเกินวัย" แต่ปัญหาคือ "เร่งรีบเกินไปไม่สอดคล้องกับธรรมชาติและพัฒนาการ" ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว

3.การสร้างเสริมนิสัยรักการอ่านกับการสอนแบบเร่งรัดอ่านเขียนในระดับปฐมมวัยนั้น "เป็นคนละเรื่องกัน" และผลลัพธ์ของมันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผลสัมฤทธิ์ของการจัดการเรียนรู้แบบเร่งรัดวิชาการ-เร่งรีบอ่าน-เขียน คือการอ่านออกเขียนได้ของลูกๆ วัยอนุบาล 2 อนุบาล 3 ซึ่งเป็นผลเฉพาะหน้า ใช้เวลาระยะสั้น เห็นได้ชัด วัดผลได้ง่าย ย่อมนำมาซึ่งความชื่นอกชื่นใจแก่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ในขณะที่ผลเสียของมันคือการทำลายศักยภาพทางสมองและลดทอนความสนใจในการเรียนรู้ในระยะยาวนั้น เป็นเรื่องในอนาคต วัดผลยาก ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการวิจัยแบบTracking Studies ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

4.ความพร้อมในการอ่าน-เขียน ในเด็กแต่ละคนเกิดขึ้นได้ไม่พร้อมกัน โดยทั่วไปคือ 7 ขวบ แต่ไม่แปลกถ้าเด็กบางคนจะมีความพร้อมในการอ่าน-เขียนช้าหรือเร็วกว่านั้น

5.ทักษะการพูด การฟัง เป็นทักษะธรรมชาติที่เด็กเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมได้อย่างเป็นธรรมชาติ จึงไม่แปลกที่เขาจะเรียนรู้การพูด-ฟัง ได้หลายภาษาในเวลาเดียวกัน แต่ทักษะการอ่าน-เขียน นั้นเป็นอีกเรื่อง

6.ความพร้อมในการอ่านบางครั้งสามารถสร้างและส่งเสริมได้ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยอย่างเป็นธรรมชาติ เช่นการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง การสร้างบรรยากาศการอ่านภายในบ้าน การพาลูกๆ ไปร้านหนังสือบ่อยๆ ส่วนการเขียนนั้นเกี่ยวข้องกับสรีระและพัฒนาการทางร่างกายด้วย

7.ไม่ควรนำประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับลูกๆ ที่มีความพร้อมในการอ่าน-เขียนสูงหรือเร็วกว่าเกณฑ์ธรรมชาติมาหักล้างทฤษฎี เพราะในทุกเรื่องย่อมมี Exceptional Case อย่าลืมว่าเด็กคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ ไม่ได้โชคดีมีพรสวรรค์เหมือนลูกเรา

ที่มา : 
ดร.บุ๊ พิศสุวรรณ

ความคิดเห็น